ไฟไหม้จนโคนไผ่ดำเป็นตอตะโก และเริ่มลามขึ้นไปเรื่อยๆ เสียง ฝุด ฝุด ด้านใน ก็ค่อยๆเบาเสียงลงเรื่อยจนได้ยินแต่เสียงไฟที่เผาไม้แทน ลุงพุฒิเลยบอกให้โค่นต้นไผ่ที่เหลือลงมาให้หมดห็นเหลือลุงยศอยู่คนเดียว หมอยาก็หยิบมีดมาช่วยฟันเสร็จแล้วก็ลากลำไผ่ LYNBET ที่ลุงยักษ์กระซวกทิ้งไว้ (ไม่รับผิดชอบ) ขนมารวมกันแล้วราดน้ำมันก๊าดทยอยเผาลุงพุฒิบอกว่า ใครจะไปโรงพยาบาลให้เตรียมตัวเลยได้เลย จะออกเดินทางกันแล้วส่วนใครที่ไม่ไปก็เฝ้ากอไผ่ที่ไฟยังลุกไหม้อยู่ สรุปคือ ตา, ลุงยศ, น้าเย็น รออยู่ที่บ้านส่วนลุงพุฒิ,…
ลุงพุฒิให้ลุงยศเดินไปหยิบถุงผ้าในรถสักพักลุงยศก็เดินกลับมาพร้อมถุงผ้าสีขาว ลุงพุฒิล้วงเข้าไปหยิบสายสิญจน์แล้วเดินไปที่กอไผ่ lynblue89 เอาปลายด้านหนึ่งผูกไว้กับลำไผ่แล้วเดิมวนอ้อมรอบกอไผ่กอนั้นหลายรอบจบแล้วก็มายืนด้านหน้าของเหล่านั้น พึมพำอยู่ครู่แล้วโยนสายสิญจน์ที่เหลือเข้าไป ขณะนั้นเป็นเวลาบ่ายแก่แล้วแดดร้อนจัด ตาก็เอาไม้ขีดมาให้ลุงพุฒิลุงพุฒิจุดไม้ขีดก้านแรก ไฟลุกพรึบขึ้นมาแล้วก็ดับพรึบทันทีราวกับมีคนเป่าลมใส่ ลุงพุฒิก็หยิบขึ้นมาอีกก้านก็เป็นอาการเดิมคือยังไม่ทันจะต่อเชื้อ ไฟก็ดับอีก ลุงพุฒิก็ส่ายหัวบ่นพึมพำ ลุงยศก็ถามว่า ผีเป่ารึเปล่าลุงพุฒิได้แต่ยิ้มๆ ก็บอกให้หาน้ำมันก๊าดมาให้หน่อยlynblue89 ต้องรีบทำเวลาหน่อย ลุงยศก็ไปหยิบน้ำมันฉีดราดแถวโคนกอไผ่ลุงพุฒิบอกว่าพอเห็นของด้านในโดนเผาแล้ว ก็ฟันต้นไผ่ที่เหลือลงมาเผาด้วย เดี๋ยวไฟลามจะคุมยากแต่ต้องรอให้ของพวกนั้นโดนเผาก่อนนะอย่าลืม ลุงยักษ์กับลุงยอดก็เดินออกมาสมทบ ลุงพุฒิถามว่าแย้มเป็นยังไง…
ตากับหมอยาพร้อมลุงยศ เดินตามเข้าไปดูก่อน แม่จึงคว้ามือลุงยอดเดินตามเข้าไปด้วยแม่ได้ยินเสียงลุงพุฒิเตือนว่าอย่าเข้าไปใกล้มากสิ่งนั้น ไม่เพียงมีกลิ่นที่ชวนให้คลื่นเหียน มองเผินๆ เหมือนใยแมงมุม LYN68 แต่พอเข้าไปใกล้ๆดูชัดๆก็เห็นว่าเป็นเมือกใสๆเหมือนกาวยาง ระโยงระยางห้อยซ้อนกันไปมา น้ำเหนียวๆยืดห้อยต่องแต่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว ใต้เมือกเหนียวๆ มีเศษซากอะไรบางอย่างแม่บอกว่าตอนแรกนึกว่าเป็นเศษใบไผ่ที่กองทับกันจนแห้งเหี่ยว แต่พอมองดูดีๆ สิ่งนั้นมันคล้ายลำไส้หรืออวัยวะ(คนหรือสัตว์ก็ไม่รู้) ที่ถูกฉีกจนยุ่ย เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกองรวมกับเศษผ้าเก่าๆ แล้วก็ปอยผมเล็กๆ LYN68 หลายปอย ดีที่อวัยวะพวกนั้นแห้งกรังไปหมดแล้วแม่ทนไม่ไหวเดินออกมาอาเจียน…
น้าแย้มได้ยินก็ตอบกลับไปว่า “ลุงพูดอะไร lynblue89 หนูไม่รู้เรื่อง” ลุงพุฒิก็พูดต่อว่า “ใครทางมันเถอะ นี่ก็ทำร้ายกันมามากแล้วสงสารเด็กมันนะ” แต่น้าแย้มก็ตอบเหมือนเดิม “ลุงพูดอะไร หนูไม่รู้เรื่อง” แต่ท่าทางที่น้าแย้มแสดงออกไม่ใช่ลักษณะของคนไม่ประสา แต่เป็นลักษณะของการท้าทายมากกว่าลุงพุฒิถอนหายใจ ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ หยิบตลับกลมๆขนาดเท่าเหรียญสิบ เปิดฝาออกด้านในเป็นสีผึ้งสีขาวๆคล้ำ ลุงพุฒิป้ายสีผึ้งด้วยนิ้วโป้ง แล้วแปะไปบนหน้าผากของน้าแย้ม lynblue89 ทันทีที่น้าแย้มโดนสีผึ้งก็ไม่มีอาการกรี๊ดร้องเหมือนในละคร แต่จะมีอาการชักๆ…
ช่วงเช้าวันต่อมา แม่กับน้าเย็นก็ช่วยกันหุงหาอาหารปกติ ยายก็นั่งดูอาการน้าแย้มซึ่งก็ยังทรงๆอยู่ ตากับลุงยศก็ออกไปทำงานอยู่ใกล้ๆบ้านเพราะห่วงลูกสาวที่อาการเดี๋ยวดีเดี๋ยวแย่ ส่วนลุงยอดก็ออกไปนั่งรอลุงยักษ์ที่ม้าหินไม้หน้าบ้าน LYN68 จนแดดแรงราว 8 โมงตากับลุงยศก็กลับมาบ้าน ก็บ่นๆว่ายักษ์ยังไม่กลับมาเหรอ สายป่านนี้แล้ว กว่าจะตีรถเข้าตัวจังหวัดอีกหลาย ชม. เดี๋ยวก็ไม่ได้ไปกันพอดี แล้วก็ถามยายว่าแย้มเป็นยังไงบ้าง ยายก็บอกว่าสีหน้าก็ดูปกติ แต่ถามคุยอะไรไปก็บอกว่าเพลีย อยากนอนอย่างเดียวไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน ตาก็เลยเดินเข้าไปดูอาการ ถามว่าเป็นยังไง…
จากที่เงานั่งจองดิฉันอยู่ที่ระเบียง ดิฉันก็ไม่สนใจนั่งหลับตา ทำสมาธิต่อไป คือดิฉันหลับไปตอนไหนไม่รู้ ดิฉันมารู้สึกตัวอีกทีก็เช้าแล้ว ดิฉันหันไปดูที่หน้าต่าง เห็นแสงพระอาทิตย์ จึงเปิดประตู ลงไปข้างล่าง เห็นแม่กับลุง ได้เตรียมของกัน มีดอกไม้ ธูปเทียน เสื้อผ้าชุดสีขาว และผ้าดิบ เรานั่งทานข้าวกัน แล้วลุงก็ถามว่าเมื่อคืนเอ็งคงเจอหนัก เอ็งรีบทำอะไรให้เสร็จแล้วไปหา พระป่าด้วยกัน เราช่วยกันแบกสิ่งของต่าง ๆ ขึ้นหลังรถ…
หลังจากสวดอภิธรรมเสร็จ ก็แยกย้ายกับพี่หัวหน้ากลับบ้าน ดิฉันต้องขับรถกลับบ้าน ในระวังที่ออกจากวัดนั้น หน้าวัดจะมีต้นไม้ใหญ่ ฉันได้มองขึ้นไปเห็นเงาคนดำ ๆ นั่งห้อยขาอยู่บนต้นไม้ แล้วมองมาที่รถฉัน ฉันพยายามไม่คิดอะไร ขับไปต่อ พอเลี้ยวรถออกจากวัดเสร็จ ฉันก็รีบขับกลับบ้าน ตอนนั้นฉันได้เปิดเพลงเสียงดัง พยามยามข่มใจ พยามร้องเพลง พยามยามทำทุกอย่างให้ไม่คิด พอเลี้ยวเข้าซอยบ้าน อยู่ดี ๆ เสียงเพลงที่เปิดอยู่นั้นได้เปลี่ยนเป็นเสียงสวดภาษาเขมร…
ทุกคนต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดิฉันนั่งรออยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน ภาวนาให้ทั้ง 2 คนไม่เป็นอะไร ในที่สุดหมอก็ออกจากห้องมา เรารีบวิ่งไปถามหมอเกี่ยวกับอาการทั้ง 2 คน หมอบอกว่าเสียใจ ไม่สามารถช่วยชีวิตทั้ง 2 คนไว้ได้ ตอนที่หมอบอกมานั้น LYNBLUE89 ดิฉันล้มทั้งยืน ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับพวกเรา พี่หัวหน้าก็ได้เข้ามาปลอบ บอกน้องแฝดหมดกรรมแล้ว เค้าคงไปดีแล้ว ตอนนี้เรามาช่วยกันคิดวิธีบอกพ่อแม่ของน้องเค้าดีกว่าไหม …
ตอนนั้นเรารีบลงบรรไดกันมาที่ห้องนั่งเล่น แล้วนั่งรวมกลุ่มกัน รอเวลาให้ถึงเข้า ตอนนั้นประมาณ เที่ยงคืนกว่า ๆ ต่างคนต่างเงียบไม่มีใครพูดอะไรกัน ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่กลัวที่สุดในชีวิต ไม่คิดว่าจะมาเจออะไรแบบนี้ จู่ ๆ พวกเราก็ได้ยินเสียงสวดมนต์อีกรอบ รอบนี้ดังกว่ารอบก่อน ๆ ประตูกับหน้าต่าง ก็ค่อย ๆ เปิดออก เห็น เงาดำ ๆ หลายเงา เดินอยู่ รอบ…
หลังจากที่ช่วยกันเก็บของเสร็จ เราก็คุยกันว่า เด๋วเราแยกย้ายทำภาระกิจส่วนตัว แล้วลงมารวมกันที่ห้องนั่งเล่น ดิฉันกับน้องที่พักด้วยกัน ได้ขึ้นกลับไปที่ห้อง ต่างรีบเก็บเสื้อผ้า เครื่องใช้ส่วนตัว แล้วรีบโทรศัพท์หาแม่ ดิฉันก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้แม่ฟัง แม่ดิฉันเองก็ตกใจ แล้วบอกว่า รู้สึกไม่ค่อยดี นอนไม่ค่อยหลับ ตั้งแต่ที่ดิฉันเดินทางไปต่างจังหวัด แม่เล่าให้ฟังอีกว่า ฝันเห็นคุณยายของดิฉันมาบอกว่า LYNBET กำลังจะเกิดอันตรายกับคนในบ้าน ขณะที่คุยกับแม่อยู่ ได้ยินเสียง เหมือนแจกันตกพื้น…